ครูดนตรี เรียนคณะอะไร ต้องเรียนที่ไหน สาขาอะไรบ้าง

ครูดนตรี เรียนคณะอะไร ต้องเรียนที่ไหน สาขาอะไรบ้าง

บทความโดย ผศ.นรเศรษฐ์ อุดาการ 

Asst.Prof. Norrasate Udakarn

The College of Music, Payap University

 

อาชีพครู เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศ ไม่ใช่เพียงเพราะครูคือผู้ทำหน้าที่ในการถ่ายทอด และส่งต่อองค์ความรู้ให้กับเด็กและเยาวชนหรืออาจจะเป็นใครก็ได้ ไม่ว่าจะเพศไหน วัยไหน ที่ต้องการความรู้ แต่เพราะครู คือ ผู้สร้างอย่างแท้จริงครับ ที่สามารถเป็นทั้งครูในความหมายปรกติ เป็นทั้งพ่อและแม่ อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษา เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อความคิดและทัศนคติของนักเรียนได้อย่างมากมาย

ในหลายประเทศวางรากฐานการพัฒนาประเทศด้วยการพัฒนาคน และเริ่มต้นกระบวนการพัฒนาคนด้วยการสร้างครู ยกตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์หรือประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างลาวที่มีการตั้งเป้าหมายนำพาประเทศให้หลุดพ้นภาวะยากจนภายใน 10 ปี โดยให้ความสำคัญกับการสร้างและใช้ครูเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ

สำหรับประเทศไทย ครูเป็นหนึ่งในอาชีพที่มีการถกเถียงกันมาก ทั้งในมิติของแนวทางการสร้างครู จิตสำนึก จรรยาบรรณ รายได้ และความเป็นครู รวมถึงอาชีพครูดนตรีที่กำลังประสบภาวะขาดแคลนอันเนื่องมาจากค่านิยมและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ตลอดจนปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่เข้าสู่การเกษียณอายุงานของบุคลากรครูดนตรี ที่เกิดจากกระบวนการผลิตครูดนตรียุคแรก ๆ ตั้งแต่การก่อตั้งโปรแกรมวิชาเอกดนตรีศึกษา วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในขณะนั้น (ปัจจุบันคือ วิทยาลัยการดนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา)  และสาขาดนตรีของวิทยาลัยพายัพ (ปัจจุบันคือ วิทยาลัยดุริยศิลป์ มหาวิทยาลัยพายัพ) ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่บ่มเพาะครูดนตรีในประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 50 ปี

การบ่มเพาะเพื่อสร้างครูดนตรีในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องง่าย มีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการศึกษา ความไม่แน่นอนในการสอบใบประกอบวิชาชีพครู ทำให้นักศึกษาเอกดนตรีรู้สึกไม่มั่นคงราวกับอยู่ในเรือที่ลอยลำอยู่ในทะเลมรสุมมองไม่เห็นฝั่ง สับสน ไม่แน่ใจ จนนำไปสู่การเปลี่ยนคณะหรือย้ายสาขาบ้าง เมื่อจบออกมาแล้วก็ทำงานไม่ตรงสาย

ที่สำคัญ ความคลุมเครือของอาชีพครูดนตรีและความรู้ที่สังคมมีต่ออาชีพดังกล่าว ยังทำให้เด็กที่รักและชื่นชอบในเสียงดนตรี และมีความใฝ่ฝันว่าจะทำงานเป็นครูดนตรีเกิดความไม่แน่ใจ ผู้ปกครองเกิดคำถามว่าครูดนตรีเรียนคณะอะไร เรียนที่ไหน ดุริยางคศิลป์ คืออะไร เรียนจบแล้วไปทำงานอะไร อันเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่ภาวะขาดแคลนนักศึกษาเอกดนตรี และนำไปสู่การขาดแคลนครูดนตรีในภาพรวม

บทความในวันนี้ ผมในฐานะครูดนตรีคนหนึ่งจึงเขียนขึ้นเพื่อให้คำตอบสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองหรือเด็ก ๆ ที่มีคำถามว่าอยากเป็นครูดนตรีเรียนคณะอะไร เรียนที่ไหน และเรียนดุริยางคศิลป์ จบไปทำงานอะไร ต้องเป็นครูดนตรีอย่างเดียวหรือไม่

 

ปราการด่านแรกสำหรับการเป็นครูดนตรี

 

ครูดนตรี เรียนคณะอะไร ต้องเรียนที่ไหน สาขาอะไรบ้าง

แท้จริงแล้วการเดินทางไปสู่วิชาชีพครูดนตรี เรียนคณะอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความเชี่ยวชาญและความเป็นครูที่อยู่ในตัวคุณครับ เพราะอาชีพครูดนตรีพูดได้เต็มปากเลยครับว่าอย่าหวังที่จะร่ำรวยเงินทอง

แต่ให้ตั้งเป้าหมายของการประกอบอาชีพครูไว้ที่การสร้างคน ซึ่งคุณจะได้รับในสิ่งที่มากกว่าทรัพย์สินเงินทอง ผมไม่ได้จะบอกว่าอาชีพครูดนตรีจนนะครับ แต่ความคิดที่อยากรวยนั้นจะทำให้ความเป็นครูในตัวคุณลดน้อยลง และจะทำให้คุณไม่มีความความสุขกับการทำหน้าที่ครูครับ

หากที่เป็นเช่นนี้ เพราะอาชีพครูดนตรีต้องอาศัยความมานะอดทนในการพัฒนาตนเอง ทั้งในด้านทฤษฎีและการปฏิบัติเครื่องดนตรี ไปพร้อมกับการพัฒนาเสริมสร้างความเป็นมนุษย์ที่ต้องมีจิตสำนึกต่อวิชาชีพ มีความอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจ ใจเย็น และคาดหวังว่าจะเห็นลูกศิษย์เติบโตจนประสบความสำเร็จ

หากคุณผ่านด่านเหล่านี้ได้แล้ว เราก็จะมาคุยกันเรื่องสถานที่ และหลักสูตรที่เปิดสอนสำหรับการเป็นครูดนตรีครับ

 

ครูดนตรีเรียนคณะอะไร

 

ครูดนตรี เรียนคณะอะไร ต้องเรียนที่ไหน สาขาอะไรบ้าง

ครูดนตรีเรียนคณะอะไร และครูดนตรี เรียนที่ไหนเป็นคำถามยอดฮิตสำหรับนักเรียนที่มีความสนใจที่จะเป็นครูดนตรีครับ

ส่วนใหญ่ครูดนตรียุคใหม่ที่กำลังทำงานกันในปัจจุบันจะสำเร็จการศึกษาจาก 2 หลักสูตรหลัก คือ ศึกษาศาสตรบัณฑิต หรือครุศาสตรบัณฑิต สาขาดนตรีศึกษา และหลักสูตรดุริยางคศาสตรบัณฑิต หรืออาจมีบางส่วนที่จบจากหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาดนตรี เพราะเป็นหลักสูตรที่มีความสอดคล้องกับเกณฑ์การสอบบรรจุ ครูและครูผู้ช่วยทุกระดับและทุกสังกัด อีกทั้งยังมีเงื่อนไขเรื่องใบประกอบวิชาชีพครู เข้ามากำกับอีกด้วยครับ

ในอดีต บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรทางด้านการศึกษา ทั้ง ศึกษาศาสตร์ และ ครุศาสตร์จะได้รับใบประกอบวิชาชีพครูโดยอัตโนมัติ ซึ่งอยู่ใต้การกำกับดูแลของคุรุสภา และก็มีส่วนหนึ่งที่ได้รับใบประกอบวิชาชีพครูในภายหลัง เพราะมีโอกาสได้เรียนหลักสูตร ป.บัณฑิต แม้ว่าจะจบการศึกษาจากสาขาอื่น ๆ ก็ตาม แต่ต้องมีเงื่อนไขคือ มีสถานะเป็นบุคลากรทางการศึกษาของสถานศึกษาแห่งใดแห่งหนึ่งถึงจะสามารถเข้าเรียนในหลักสูตรดังกล่าวได้

แต่ในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการออกใบประกอบวิชาชีพครู โดยต้องสอบเท่านั้นครับ ส่งผลให้ไม่ว่าคุณจะจบสาขาใด หลักสูตรใด ก็สามารถสอบใบประกอบวิชาชีพครูได้ครับ เพียงคุณต้องมีประสบการณ์การสอนอย่างน้อย 1 ปี และต้องมีสถานะเป็นบุคลากรของโรงเรียนแห่งใดแห่งหนึ่ง

ดังนั้น หากจะสรุปประเด็นคำถาม ครูดนตรีเรียนคณะอะไร สำหรับครูดนตรีโรงเรียนรัฐบาล คำตอบก็คือคณะใดก็ได้ แต่ต้องเป็นหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต ครุศาสตรบัณฑิต หรือดุริยางคศาสตรบัณฑิตครับ แต่ถ้าอยากเป็นครูดนตรีในโรงเรียนเอกชน หรือครูดนตรีอิสระ (สอนการปฏิบัติเครื่องดนตรีตามโรงเรียนสอนดนตรีเอกชนทั่วไป)  คุณสามารถจบการศึกษาสาขาใดก็ได้ แต่ข้อให้มีความเชี่ยวชาญและมีความสามารถที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของตำแหน่ง คุณก็อาจได้เป็นครูดนตรีสมใจ โดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและเงื่อนไขของโรงเรียนแต่ละแห่ง

 

ครูดนตรีเรียนที่ไหน

 

ครูดนตรี เรียนคณะอะไร ต้องเรียนที่ไหน สาขาอะไรบ้าง

เป็นอีกคำถามยอดฮิตสำหรับน้อง ๆ นักเรียนที่กำลังมองหาคณะและมหาวิทยาลัยในฝัน

การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ยิ่งสำหรับวิชาชีพครูดนตรีด้วยแล้ว ครูดนตรีเรียนที่ไหน มหาวิทยาลัยใดน่าสนใจนั้น ผมคงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ทั้งหมดครับ เพราะสถานศึกษาทุกแห่งล้วนมีจุดเด่น และมีความพิเศษที่แตกต่างกัน ซึ่งมีหลายเพจที่ออกมาจัดอันดับและนำเสนอข้อมูลให้เห็นกันอยู่โดยทั่วไป อีกทั้งทุกคนก็ยังมีความต้องการและมีความจำเป็น หรือมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันอีกด้วย

บางคนอาจจะเลือกที่ตัวอาจารย์ซึ่งต้องมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก บางคนอาจจะเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยใกล้บ้านเพื่อจะได้เดินทางไป – มาสะดวก บางคนอาจจะเลือกที่ราคาและค่าใช้จ่าย และบางคนอาจจะเลือกที่โอกาสและประสบการณ์ที่จะได้รับจากการเรียนและการใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยครับ

ทางเลือกทั้งหมดนี้ คุณ ต้องเป็นคนเลือกเองครับ โดยอาจใช้แนวทางข้างต้นประกอบการตัดสินใจ (เรื่องหลักสูตรศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์และดุริยางคศาสตร์) ว่าจะเป็นครูดนตรี เรียนคณะอะไร หลักสูตรอะไร ซึ่งจะเป็นแนวทางหลักที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกที่เรียนได้อย่างเหมาะสมกับตัวคุณ เพื่อให้คุณสำเร็จการศึกษาออกมาเป็นครูดนตรี สมดั่งความฝันที่ได้ตั้งไว้ โดยไม่ตกหล่นหรือหลุดวงโคจรเสียก่อน

 

เรียนดุริยางคศิลป์ จบไปทำงานอะไร

 

ครูดนตรี เรียนคณะอะไร ต้องเรียนที่ไหน สาขาอะไรบ้าง

หลักสูตรดุริยางคศิลป์ หรือดุริยางคศาสตร์ในบางสถาบัน เป็นอีกหนึ่งหลักสูตรที่มีความพิเศษครับ เพราะเป็นหลักสูตรที่มีกระบวนการเรียนการสอนเน้นการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญด้านดนตรี ครอบคลุมทั้งการปฏิบัติเครื่องดนตรี ทักษะการฟัง – อ่านโน้ตดนตรี และทักษะการบรรเลงรวมวง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างนักดนตรีอาชีพและครูดนตรี

อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในหลักสูตรทางดนตรีที่มีการระบุในเกณฑ์การสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการครู ดังนั้นคงไม่ต้องสงสัยครับว่าเรียนดุริยางคศิลป์ จบไปทำงานอะไร เพราะหนึ่งในนั้นคือ ครูดนตรี และยังสามารถทำงานเป็นนักดนตรีอาชีพหรือทำทั้งสองอย่างพร้อมกันก็ยังได้ครับ

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากอาชีพครูดนตรีและนักดนตรีแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งอาชีพที่ผู้จบการศึกษาจากคณะดุริยางคศิลป์หรือเอกดนตรีในคณะอื่น ๆ สามารถทำงานได้ นั่นคือ ‘Foley Artist’ ซึ่งอาจเป็นอาชีพในสายดนตรีที่ไม่ค่อยคุ้นสำหรับคนไทยสักเท่าใด แต่ด้วยความต้องการในสายอาชีพนี้ที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ควบคู่กับการพัฒนาของอุตสาหกรรมภาพยนต์ในปัจจุบันครับ ส่งผลให้อาชีพนี้จึงเป็นที่ต้องการอย่างมาก

 

Foley Artist คืออะไร

 

ครูดนตรี เรียนคณะอะไร ต้องเรียนที่ไหน สาขาอะไรบ้าง

อาชีพ Foley Artist หรือ นักสร้างเสียงประกอบภาพยนตร์ เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เป็นคำตอบสำหรับผู้ที่สงสัยว่าเรียนดนตรี จบไปทำงานอะไร

Foley เป็นขั้นตอนการสร้างเสียงอย่างหนึ่ง คล้ายการทำ Sound Effect เป็นกระบวนการทำงานที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมภาพยนต์ ในส่วนของ post-production เพื่อเพิ่มคุณภาพของเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในภาพยนต์นั้น ๆ 

กระบวนการนี้ ถูกเรียกว่า “Foley” ตามชื่อของนักสร้างเสียงชาวอเมริกัน Jack Foley (1891-1967) ชายซึ่งเป็นเหมือนผู้บุกเบิกเทคนิคการสร้างเสียงเพื่อใช้ในงานภาพยนต์ นอกจากนั้น “Foley” ยังถูกนำมาใช้เรียกพื้นที่และสถานที่ในการทำงานอีกด้วย อาทิ Foley-Stage หรือ Foley Studio

หากจะกล่าวถึงองค์ประกอบด้านเสียงของการสร้างภาพยนต์ 1 เรื่อง จะต้องประกอบไปด้วย 6 สายงานย่อย คือ Sound Effect/ Foley/ Ambience/ Sound design/ ดนตรีประกอบ (Film Scoring) และเสียงพูด ซึ่ง Foley เป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการสร้างภาพยนตร์ ทั้งการสร้างเสียงพิเศษเพิ่มเข้าไปหรือการตัดเสียงที่ไม่ต้องการออก

ในทางปฏิบัติแล้ว นักสร้างเสียงนั้น จะต้องสร้างเสียงต่าง ๆ จากสิ่งสมมติแทบทั้งสิ้น แต่เมื่อนำมาประกอบเข้ากับภาพแล้ว ปฏิบัติการการหลอกประสาทรับรู้ของมนุษย์จึงเริ่มขึ้น เพื่อสร้างความสมจริงและปรับคุณภาพของเสียงต่าง ๆ ในสามารถควบคุมเสียงเหล่านั้นได้มากขึ้น

ตัวอย่างเช่น ภาพยนต์เรื่อง “A Quiet Place” ภาพยนต์สมัยใหม่หลังยุคหนังเงียบที่มีความเงียบที่สุดเรื่องหนึ่ง ก็ยังต้องใช้บริการของ นักสร้างเสียงภาพยนต์ เพื่อสร้างบรรยากาศและความสมจริงมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะมีการใช้เสียงจากการถ่ายทำจริงอยู่บ้าง แต่ภาพยนต์ทุกเรื่องก็จะต้องผ่านกระบวนการ Foley เพื่อปรับคุณภาพและเสริมความชัดเจน ตัดเสียงรบกวนออก ด้วยฝีมือของนักสร้างเสียงภาพยนต์ทุกเรื่องครับ

ดังนั้น พอจะเห็นโอกาสและหนทางแล้วนะครับว่าอาชีพ นักสร้างเสียง นี้มีความน่าสนใจอย่างไร ซึ่งผู้มีคุณสมบัติเหมาะกับการเป็นนักสร้างเสียงจะต้องเป็นคนที่มีความช่างสังเกต ขี้สงสัย สนใจในเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว และที่สำคัญต้องมีจินตนาการ อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ คือ อาชีพ Foley Artist เป็นหนึ่งในทีมงานไม่กี่คนที่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ก่อนคนอื่นครับ

หากสนใจศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสายอาชีพนี้นะครับ ที่วิทยาลัย Berklee College of Music และที่ Foley Center Northwestern University ได้ให้ข้อมูลไว้พอสมควรครับ สามารถเข้าไปอ่านและศึกษารายละเอียดได้ โดยหลักสูตรของวิทยาลัยดังกล่าวเป็นชั้นเรียนที่มุ่งเน้นสายงาน Foley Artist โดยเฉพาะ หรืออาจจะเข้าเรียนในหลักสูตรดุริยางคศาสตร์ หรือดุริยางคศิลป์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยก็ได้ครับ และเลือกรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเสียงหรือบันทึกเสียงต่าง ๆ เพื่อเก็บไว้ใช้ในการทำงานในอนาคต

หวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยของผู้ปกครองหรือน้อง ๆ ที่สนใจอยากเลือกเดินบนเส้นทางสายนักดนตรีอาชีพหรือครูดนตรีได้ไม่มาก็น้อย แต่ไม่ว่าจะเลือกหนทางใด สิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นครูดนตรีก็คือการรักในเสียงดนตรี และพร้อมที่จะถ่ายทอดความรักนั้นไปยังลูกศิษย์และบุคคลอื่น ๆ ให้ประจักษ์ว่าโลกที่มีเสียงดนตรีนั้น คือ โลกที่มีความหวังอยู่เสมอ

 

 

อ้างอิง 1 2 3

 

อ่านบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 

 

[smartslider3 slider=”2″]
The Pappyness