บทความโดย ผศ.นรเศรษฐ์ อุดาการ
Asst.Prof. Norrasate Udakarn
The College of Music, Payap University
คนท้องหรือหญิงมีครรภ์เป็นบุคคลที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นแม่ โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ อย่างการพักผ่อนและการนอนครับ
ความเครียดวิตกกังวลในเรื่องต่าง ๆ อาจจะทำให้ว่าที่คุณแม่นอนไม่หลับทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอได้ หนึ่งในตัวช่วยที่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยไม่ต้องพึ่งยา ก็คือการฟังบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องเพื่อความผ่อนคลาย ทำให้จิตใจสงบและสามารถนอนหลับได้ลึก เป็นผลดีต่อตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์
“Mozart Effect” กับเพลงสำหรับคนท้อง
“Mozart Effect” เป็นผลจากการทดลองและการวิจัยของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ช่วยยืนยันได้ว่า บทเพลงของโมสาร์ท ซึ่งเป็นดนตรีคลาสสิค สามารถนำมาใช้สร้างความผ่อนคลายและช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองของเด็กวัยแรกเกิดไปจนถึงวัยเรียน โดยเฉพาะการพัฒนาสมาธิและทักษะที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ
นอกจากนั้น บทเพลงของโมสาร์ทยังทำให้คุณแม่และลูกน้อยเกิดความผ่อนคลาย ช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม บทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องหรือเพลงสำหรับคนท้องนั้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะบทเพลงของโมสาร์ทเท่านั้น แต่ยังมีบทเพลงของนักประพันธ์และนักดนตรีอีกหลายท่านที่มีชื่อเสียง และสามารถนำบทเพลงของพวกเขามาใช้เป็นบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องได้
ในบทความนี้ ผมจึงขอนำเสนอ 10 นักดนตรีและนักประพันธ์ที่มีผลงานเป็นที่รู้จักและถูกนำมาใช้เป็นบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้อง โดยหลายบทเพลงคุณอาจจะเคยได้ยิน แต่อาจจะไม่รู้จักชื่อนักประพันธ์เสียด้วยซ้ำครับ
เฟรเดริค ฟร็องซัวส์ โชแปง (Frédéric François Chopin, 1810 – 1849)
นักเปียโนและนักประพันธ์ชาวโปแลนด์ ชื่อเดิมเป็นภาษาโปแลนด์คือ “Fryderyk Franciszek Chopin” โดยโชแปงมีการเปลี่ยนชื่อเป็นตัวอักษรและการสะกดแบบภาษาฝรั่งเศสแต่ยังคงออกเสียงคล้ายกัน เมื่อครั้งที่เขาตัดสินใจออกเดินทางจากบ้านเกิดในโปแลนด์ไปสู่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเพื่อยึดอาชีพนักดนตรีคลาสสิค
โชแปงเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีมาตั้งแต่เล็ก เขาเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่อายุ 6 ขวบและยังสามารถแต่งเพลงบทแรกได้เมื่ออายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถเปิดการแสดงดนตรีครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 8 ขวบ (ค.ศ.1818)
โดยภายหลังเขาได้เข้าศึกษาต่อด้านดนตรีที่โรงเรียนดนตรีแห่งกรุงวอร์ซอ และหลังจบการศึกษา โชแปงจึงได้เดินทางมาประกอบอาชีพนักดนตรีอย่างเต็มตัวที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งในขณะนั้น เป็นช่วงเวลาที่เขากำลังมีความรัก โดยเขาตกหลุมรักหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งความรักที่เขามีให้กับเธอนั้นได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้เขาประพันธ์บทเพลงอันสุดแสนจะไพเราะ อย่าง “Ballade No.1 op.23” และ “Piano Concerto No.1 Op.11”
ด้วยพลังแห่งความรักที่เขาได้ถ่ายทอดลงไปในบทเพลง ก็ทำให้บทเพลงทั้ง 2 เต็มไปด้วยความไพเราะและบรรยายถึงความงดงามของความรักได้เป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น บทเพลง “Nocturne No.2 Op.9” และ “Piano Concerto No.1 Op.11” ยังถือได้ว่าเป็นสุดยอดบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้อง และเพื่อความผ่อนคลาย เนื่องจากท่วงทำนองที่ลื่นไหล อ่อนหวานและมีความนุ่มนวล จึงไม่แปลกครับที่บทเพลงของโชแปงหลาย ๆ บทเพลงจะถูกนำมาบรรจุให้ใน “Playlist” ของนักฟังเพลงหลาย ๆ คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องที่ดีและสามารถช่วยในการผ่อนคลายและสร้างสมาธิได้ดีชุดหนึ่งครับ เพื่อให้คุณผู้หญิงที่กำลังจะเป็นคุณแม่ ได้พักผ่อนและอิ่มเอมไปกับความไพเราะและอ่อนหวานของบทเพลงสำหรับคนท้องของยอดนักเปียโนชาวโปแลนด์ท่านนี้
ผลงานชิ้นเอกของโชแปงส่วนใหญ่เป็นผลงานสำหรับการบรรเลงเดี่ยวเปียโนซึ่งมีมากมายหลากหลายรูปแบบ ทั้ง Prelude, Nocturne, Ballade และกลุ่มเพลงที่ดึงจังหวะเต้นรำพื้นบ้านมาใช้เป็นรูปแบบการประพันธ์ เช่น Mazurka, Waltz, Polonaise
อีกทั้งยังมีคอนแชร์โตสำหรับเปียโนและบทเพลงที่มีชื่อเรียกเป็นแบบฝึกอย่าง “Etude” แต่มีระดับความท้าทายไม่แพ้บทเพลงบรรเลงเดี่ยวอื่น ๆ แม้แต่น้อย
งานทั้งหมดมีจุดเด่นที่สำคัญคือ มีท่วงทำนองที่อ่อนหวาน ลื่นไหนไปบนบันไดเสียงต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะเจาะ ดุจสายน้ำที่ไหลไปตามแม่น้ำที่แสนสงบซึ่งเหมาะสำหรับการเป็นบทเพลงสำหรับคนท้อง เพื่อสร้างความผ่อนคลายจริง ๆ ครับ
ในช่วงท้ายของชีวิต โชแปงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่อาการป่วยจากวัณโรค ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่ออาชีพนักดนตรีและนักประพันธ์เพลง และแม้เขาจะสามารถสร้างสรรค์บทเพลงทิ้งไว้ให้เราชื่นชมมากมายหลายบทเพลง แต่เขาก็ต้องจากไปเพราะอาการป่วยนี้ ด้วยวัยเพียง 39 ปีเท่านั้นครับ
โวล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart, 1756 – 1772)
เมื่อกล่าวถึงบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้อง และ “Mozart Effect” แต่ไม่กล่าวถึงเจ้าตัวก็คงเป็นเรื่องไม่ถูกต้องครับ
โวล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท นักประพันธ์และนักฮาร์ปซิคอร์ดชื่อก้องโลกชาวออสเตรีย เจ้าของผลงานบทเพลงคลาสสิคที่มีชื่อเสียงมากมาย ทั้ง โอเปราเรื่อง “Don Giovanni” “Magic Flute” บทเพลงซิมโฟนีและบทเพลงคอนแชร์โตสำหรับเดี่ยวเครื่องดนตรีอีกหลายชิ้น โดยมีหลายบทเพลงที่สามารถนำมาเป็นบทเพลงสำหรับคนท้องและบทเพลงผ่อนคลาย คนท้องควรฟังก่อนนอน อาทิ คอนแชร์โตสำหรับฮอร์น หมายเลข 1 – 4, คอนแชร์โตสำหรับฟลูต หรือแม้กระทั้งบทเพลง เปียโนโซนาตา หมายเลข 16 เป็นต้น
โมสาร์ทเกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 1756 ที่เมืองซาลซ์บูร์ก ประเทศออสเตรียในปัจจุบัน บิดาเป็นนักประพันธ์เพลงชาวเยอรมัน เลโอพอลท์ โมสาร์ท (Leopol Mozart, 1719 – 1787) กับมารีอา แพร์เทิล (Maria Pertl, 1720 – 1778)
เขาเริ่มแสดงให้เห็นอัจฉริยภาพทางดนตรีตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ โดยโมสาร์ทมีทักษะการฟังที่ยอดเยี่ยม และมีความจำที่เป็นเลิศ ซึ่งได้รับการผลักดันจากบิดาให้เริ่มเรียนดนตรี โดยการเรียนฮาร์ปซิคอร์ด (Harpsichord) ตั้งแต่ 5 ขวบ จากนั้นก็เริ่มเรียนไวโอลิน ออร์แกน และตามด้วยการเรียบเรียงเสียงประสาน จนสามารถแต่งเพลงบทเพลงได้ตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ ซึ่งคือ บทเพลง “Minuet K.2 และ K.4”
จากนั้นโมสาร์ทและบิดาก็ได้ออกเดินทางแสดงคอนเสิร์ตตามเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรปหลายแห่ง ทั้ง เวียนนา มิวนิก มันไฮม์ แฟรงก์เฟิร์ต บรัสเซลส์ ปารีส ลอนดอน อัมสเตอร์ดัม ลียง เจนีวา และโลซาน โดยในทุกแห่งที่ทำการแสดงก็ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก
ในยุคคลาสสิค ชีวิตของนักดนตรีและนักประพันธ์แทบทุกคนต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากราชสำนัก ดังเช่นบิดาโมสาร์ทได้รับรับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการคอนเสิร์ต แต่เนื่องจากความเห็นที่ไม่ค่อยลงรอยกับนายจ้างที่เข้ามามีส่วนและบังคับแนวทางในการประพันธ์บทเพลงของเขามากเกินไป โมสาร์ทจึงตัดสินใจเดินทางออกจากซาลซ์บูร์กเพื่อค้นหางานใหม่
จังหวะนี้เองที่โมสาร์ทต้องพบพานกับมรสุมชีวิต เมื่อตกหลุมรักหญิงสาวนักระบำแคนตาตา และเริ่มมีหนี้สินล้นพ้นตัว จนกระทั้งมาลงหลักปักฐานที่กรุงเวียนนาและได้แต่งงานกับ ค็อนสตันท์เซอ เวเบอร์ นักร้องโซปราโน (น้องสาวของหญิงสาวที่เขาเคยหลงรัก) โดยบิดาของเขาไม่เห็นด้วยกับความรักทั้ง 2 ครั้ง
ในปี ค.ศ.1782 โมสาร์ทเริ่มมีชีวิตที่ดีมากขึ้น และผลงานหลายชิ้นของเขาได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งผลงานการประพันธ์ส่วนใหญ่ของเขาในช่วงปี 1782 – 1788 ได้รับอิทธิพลจาก บาค และแฮนเดิล และเริ่มมีความสนิทสนมกับ โยเซ็ฟ ไฮเดิน มากยิ่งขึ้น และได้ประพันธ์ผลงานที่มีชื่อเสียงมากมายหลายชิ้นในช่วงเวลานี้ ทั้ง “Don Giovanni” “The Marriage of Figaro” แต่ยิ่งเขาประสบความสำเร็จมากเพียงใด การใช้ชีวิตที่หรูหราก็ยิ่งทำให้เขายังคงเป็นหนี้สินมากมายอยู่เช่นเดิมครับ
บั้นปลายชีวิตของโมสาร์ทนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยข้อสงสัยจากนักประวัติศาสตร์ครับ เพราะมีหลักฐานยืนยันการเสียชีวิตของเขาน้อยมาก บางตำนานก็กล่าวว่าเขาเสียชีวิต วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.1791 โดยไม่มีเงินเหลือเลยและถูกฝังในหลุมศพของคนอนาถาและคนยากจน แต่แท้จริงแล้วเขายังได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากราชสำนัก แต่หลักฐานการยืนยันต่าง ๆ ก็ยังคงเป็นปริศนา มีเพียงป้ายหลุมศพที่ตั้งไว้เป็นอนุสรณ์สถานในเซนทรัลไฟรด์ฮอฟ
ผลงานของโมสาร์ทหลายชิ้น สามารถนำมาเป็นบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องและเพลงผ่อนคลาย คนท้องได้เป็นอย่างดีครับ เพราะผลงานของโมสาร์ทเป็นบทเพลงที่อยู่ในยุคคลาสสิก ซึ่งเป็นยุคที่ผลงานการประพันธ์ส่วนใหญ่มีโครงสร้างและองค์ประกอบทางดนตรี (Musical elements) ชัดเจน มีกุญแจเสียงและบันไดเสียงคุมท่วงทำนองและการประสานเสียง ระดับความดังจำกัด ส่งผลให้บทเพลงมีท่วงทำนองที่มีทิศทางและการเคลื่อนที่ชัดเจน มีแบบแผน ทำให้มีผลดีต่อสมาธิและการนอนหลับ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้อง
โกลด เดอบูว์ซี (Claude Debussy, 1862 – 1918)
“Suite bergamasque”, “La mer” บทเพลงชิ้นเอกของนักประพันธ์บทเพลงคลาสสิคชาวฝรั่งเศสนามว่า โกลด เดอบูว์ซี เป็นบทเพลงที่มีความพิเศษและเป็นบทเพลงที่อธิบายลักษณะเฉพาะของผู้ประพันธ์ได้ดีที่สุดบทเพลงหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะ เน้นในการนำเสนอเทคนิคการประพันธ์ที่สื่อความประทับใจออกมาอย่างชัดเจน มากกว่าการเก็บซ้อนอารมณ์ความรู้สึกไว้ภายในตามแนวทางของ “อิมเพรสชันนิสม์”
เดอบูว์ซีเกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 1862 เขาเป็นนักเปียโนที่มีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก โดยสามารถเข้าเรียนที่ “Paris Conservatoire” ในปี 1873 ที่ซึ่งเขาได้รับการศึกษาด้านดนตรี และเขาได้รับรางวัล “Grand Prix de Rome” ในปี 1884 ซึ่งเป็นรางวัลที่มีความสำคัญอย่างมากต่ออาชีพนักประพันธ์
เดอบูว์ซีได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักประพันธ์คนสำคัญของศตวรรษที่ 20 เนื่องจากแนวทางการประพันธ์บทเพลงที่มีความแตกต่างและสามารถนำเสนอความแปลกใหม่จากบทเพลงทั่วไปในยุคโรแมนติก ซึ่งเป็นบทเพลงที่เต็มไปด้วยอิสระที่ไม่ยึดติดกับหลักการและกฎเกณฑ์สำหรับการประพันธ์ตามขนบที่เป็นดนตรีคลาสสิค
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้บทเพลงของเขาหลายบทเพลงที่เน้นการสร้างบรรยากาศและสื่ออารมณ์ความรู้สึก ซึ่งเป็นผลดีอย่างมากต่อการนำทเพลงของเขาไปใช้กับคนท้องในปัจจุบัน เป็นบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องที่สามารถทำให้ผู้ฟังมีความรู้สึกผ่อนคลาย และสามารถเป็นเพลงคนท้องก่อนนอนได้ดีเป็นอย่างมากครับ โดยเฉพาะเพลง “Claire de lune” จาก “Suite bergamasque”
โยฮัน เซบัสทีอัน บาค (Johann Sebastian Bach, 1685 – 1750)
บาคเป็นนักประพันธ์และนักออร์แกนชาวเยอรมัน เกิเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 1685 ในครอบครัวนักดนตรี ที่เมืองไอเซอนัค และถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1750 โดยปีที่เขาเสียชีวิตนั้น นักประวัติศาสตร์ดนตรีได้ยกให้เป็นปีแห่งการสิ้นสุดของยุคดนตรีบาโรก เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่บาคเลยทีเดียวครับ
บาคเป็นนักประพันธ์ดนตรีคลาสสิค สมัยบาโรก และเป็นนักประพันธ์ที่มีเอกลักษณ์ และมีอิทธิพลอย่างมากต่อเหล่านักดนตรีและนักประพันธ์ในยุคหลัง โดยผลงานของเขาทุกชิ้น สร้างสรรค์ขึ้นความประณีต เต็มไปด้วยท่วงทำนอง เสียงประสาน และเทคนิคการสอดประสานกันของท่วงทำนองต่าง ๆ ในรูปแบบที่สมบูรณ์
ด้วยการเรียนรู้และฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ส่งผลให้ทุกบทเพลงของเขาออกมาเป็นผลงานที่ได้รับการยอมรับทั้งในแง่ของการบรรเลง การแสดงและด้านหลักการประพันธ์ผลงานเพลงในสมัยบาโรก โดยเขาได้ทิ้งมรดกทางดนตรีไว้มากมายทั้ง บทเพลงที่มีความยิ่งใหญ่และเป็นต้นแบบของการประพันธ์ในลักษณะต่าง ๆ ในยุคหลังหรือบทเพลงที่ได้รับการเรียบเรียงใหม่เพื่อนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตามยุคสมัย เช่น การเป็นบทเพลงสำหรับคนท้อง เพื่อความสงบและผ่อนคลาย เป็นต้น
และบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องของบาคที่เราจะกล่าวถึงในครั้งก็คือ บทเพลง “Air on the G String” ซึ่งเป็นผลงานที่ได้รับการเรียบเรียงใหม่โดย ออกุส วิลเฮม (August Wilhelhj, 1845 – 1908) นักไวโอลินชาวเยอรมัน โดยเขาได้นำบทประพันธ์ท่อนที่ 2 ของ “Orchestral Suite No.3 in D major” ของบาคได้เรียบเรียงใหม่ ซึ่งบรรเลงเดี่ยวโดยไวโอลิน ซึ่งทำให้บทเพลงมีความนุ่มนวล และไพเราะเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับการใช้เป็นบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องเป็นอย่างยิ่ง เพราะฟังแล้วจะให้ความรู้นิ่งสงบ และผ่อนคลายสามารถช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยนอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายครับ
เอริก ซาตี (Eric Satie, 1866 – 1925)
เอริก ซาตี กวี นักเปียโน และนักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส เกิดที่เมืองกาลวาโดส แคว้นนอร์ม็องดีในวันที่ 17 พฤษภาคม 1866 ตลอดชีวิต ซาดีได้ประพันธ์ผลงานออกมามากมาย โดยมีลักษณะไร้ขอบเขต ปราศจากเส้นกันห้องในบรรทัดห้าเส้น และมีวิธีการเขียนโน้ตเพลงในแบบฉบับของตนเอง
นอกจากนั้น ซาตียังเป็นคนที่มีมุมมองและแนวคิดที่มีลักษณะเฉพาะของตนเอง ทั้งอารมณ์ขัน ชอบประชดแดกดัน ซึ่งสะท้อนออกมาทั้งในผลงานการประพันธ์ของเขา และบทวิจารณ์หรือบันทึกต่าง ๆ ซึ่งหากจะกล่าวถึงบทเพลงที่มีชื่อเสียงอย่างมากของเขาก็ต้องพูดถึง “Gymnopédies” หรือระบำยิมนาสติกของเท้า ซึ่งเขาได้นำมาบรรเลงบนเปียโนได้อย่างลื่นไหลและน่าสนใจ จนได้กลายเป็นอีกหนึ่งบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้อง ที่สามารถช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างเหลือเชื่อครับ
“Gymnopédies” หรือ ฌีมนอเปดี เป็นบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องที่บรรเลงเดี่ยวโดยเปียโน มีจำนวนทั้งหมด 3 ท่อน ถูกนำออกแสดงครั้งแรกในปี 1888 ที่กรุงปารีส โดยบทเพลงนี้ถูกประพันธ์ขึ้นด้วยอัตราจังหวะ ¾ โดยใช้ธีมและโครงสร้างดนตรีร่วมกันทั้งบทเพลง มีจุดเด่นที่การสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นต้นแบบของดนตรีแอมเบียนต์ในปัจจุบัน ดังนั้นจึงเหมาะสมอย่างยิ่งครับที่จะถูกนำมาใช้เป็นบทเพลงผ่อนคลาย คนท้องควรฟังเพื่อสร้างความสงบและสร้างสมาธิ ซึ่งท่อนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือท่อนแรกครับ
โมริส ราเวล (Maurice Ravel, 1875 – 1937)
โมริส ราเวล นักประพันชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงเป็นหนึ่งในกลุ่มนักประพันธ์ “อิมเพรสชันนิสม์” เหมือนเดอบูว์ซี โดยเขามีทักษะในการสร้างสีสันของดนตรี ดุจการวาดภาพศิลปะด้วยการใช้เสียงของเครื่องดนตรีแทนสี ในการเติมแต่งความงดงามของภาพนั้น ๆ ซึ่งเป็นการจัดวางองค์ประกอบของดนตรีที่แตกต่างไปจาก ยุคคลาสสิคและโรแมนติก ซึ่งมีผลงานหลายชิ้นที่สามารถนำมาใช้เป็นบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้อง และเป็นบทเพลงผ่อนคลาย คนท้องควรได้รับฟังก่อนการนอน ซึ่งจะสามารถทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และหลับลึกครับ
ราเวล เกิดในครอบครัวที่รักในเสียงดนตรี เขาได้เข้าเรียนที่เดียวกับเดอบูว์ซีที่ “Paris Conservatoire” แต่ลาออกมาค้นหาตัวตนและเรียนรู้ด้วยตนเอง และเริ่มพัฒนาแนวทางการประพันธบทเพลงที่มีการผสมผสานดนตรีระหว่างความเป็นดนตรีสมัยใหม่ รวมกับบาโรก “Neo classic” และดนตรีแจ๊สในช่วงท้ายของชีวิต โดยผลงานที่มีชื่อเสียงของเขา “Bolero” มาจากการทดลองประพันธ์บทเพลงด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบทเพลง ร่วมกับการสร้างทำนองด้วยการซ้ำทำนองร่วมกับการพัฒนาท่วงทำนอง และการเรียบเรียงบทเพลง “Pictures at an Exhibition” ของ Mussorgsky ก็เป็นผลงานอีกชิ้นที่เป็นที่นิยมอย่างมาก
แต่หากจะกลาวถึงบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้อง ที่ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลายของราเวลก็คงหนีไม่พ้น บทเพลง “Piano Concerto in G, 2nd Movement” และบทเพลง “Pavan pour une infant defunte” ที่มีท่วงทำนองที่อ่อนหวาน ไพเราะปนเศร้า แต่สามารถช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิได้เป็นอย่างดีครับ
ฌูล มาสเน (Jules Massenet, 1842 – 1912)
“Méditation from Thaïs” เป็นบทเพลงคลาสสิคอีกบทเพลงครับที่มักถูกนำบรรจุไว้ในรายการบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องและบทเพลงเพื่อความผ่อนคลาย โดยเป็นผลงานการประพันธ์ของ ฌูล มาสเน นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส ที่แต่งขึ้นสำหรับการบรรเลงเดี่ยวไวโอลินร่วมกับวงออร์เคสตรา ถูกนำออกแสดงครั้งแรกที่โรงอุปรากรปาแลการ์นีเย กรุงปารีส เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1894
บทเพลงสำหรับคนท้องบทนี้ เป็นท่อนอินเตอร์เมซโซ จากองค์ที่ 2 ของอุปรากรเรื่อง “ตาอิส” (Thaïs) ไม่ใช่ “ไท” หรือ “ไทย” นะครับ ซึ่งเรื่องราวดัดแปลงมาจากนวนิยายของ ฟร็องซัวส์ อานาตอล ทีโบท์ (François-Anatole Thibault, 1844 – 1924) มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ ตาอิส ซึ่งเป็นอดีตหญิงบริการชาวอียิปที่ไปบวชเป็นสาวกในศาสนาคริสต์ซึ่งต้องเอาชนะกิเลสและความรู้สึกต่าง ๆ จนต่อมาได้กลายเป็นนักบุญ ซึ่งในท่อนนี้เธอต้องทำสมาธิเพื่อเอาชนะความรู้สึกต่าง ๆ ไปให้ได้
ผลงานชิ้นนี้เป็นที่นิยมอย่างมากครับ โดยเฉพาะในด้านการบรรเลงเดี่ยว จนมีนักดนตรีหลายท่านยิบยกบทเพลงนี้ได้เรียบเรียงใหม่เป็นเครื่องดนตรีเอกของตนเองและบรรเลงบันทึกเสียงออกมาให้พวกเราได้รับฟังกับอย่างแพร่หลาย ทั้งเปียโน แชลโล่ ฟลูต ทรอมโบน หรือแม้กระทั้งเครื่องดนตรีพื้นบ้านของประเทศต่าง ๆ และเป็นบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องที่ดีเพลงหนึ่งครับ
กุสตาฟ โฮลส์ (Gustav Holst, 1874 – 1934)
กุสตาฟ โฮลส์เป็นนักดนตรีและนักประพันธ์ชาวอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ.1874 ที่เมืองเชลันแฮม กลอสเตอร์เชอร์ ประเทศอังกฤษ โดยแท้จริงแล้วครอบครัวของเขามีถิ่นฐานอยู่ที่ประเทศลัตเวีย แต่ได้ย้ายมาที่เกาะอังกฤษตั้งแต่พ่อแม่ของเขายังคงเป็นเด็ก โฮลส์มีอาชีพเป็นครูดนตรีและเป็นนักประพันธ์ ซึ่งบทเพลงที่มีชื่อเสียงอย่างมากของเขาคือ “The Planet”
“บทเพลงแห่งระบบสุริยะ” หรือ The planets เป็นผลงานเพลงคลาสสิค โดยเป็นบทเพลงชุด ที่มีความเกี่ยวพันธ์กับดวงดาวที่ง 7 ดวงได้แก่ ดาวพุธ, ดาวศุกร์, ดาวอังคาร, ดาวพฤหัสบดี, ดาวเสาร์, ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ซึ่งสื่อสารผ่านเพลงดนตรีคลาสสิคเพื่ออธิบายลักษณะและตัวตนของดวงดาวนั้นตามเทพประจำดวงดาว เช่น ดาวอังคาร เทพผู้นำมาซึ่งสงคราม หรือ ดาวศุกร์ที่แทนเทพวีนัส ผู้นำมาซึ่งสันติ ซึ่งเป็นท่อนที่เหมาะสำหรับการเป็นบทเพลงสำครับคนท้องเป็นอย่างยิ่งครับ
ด้วยบรรยากาศที่สงบเงียบที่มุ่งเน้นการนำเสนอลักษณะของความสงบและ “สันติสุข” ตามแบบฉบับของเทพวีนัส มาพร้อมกับท่วงทำนองที่อ่อนหวานบรรเลงโดยเครื่องสาย และเครื่องลมไม้ทำให้รู้สึกสงบนิ่ง และเป็นบทเพลงที่สร้างบรรยากาศแห่งการผ่อนคลาย บรรเลงประกอบด้วยพิณฝรั่ง หรือ Harp ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงที่ไพเราะและสร้างความรู้สึกผ่อนคลายได้ดีที่สุดชิ้นหนึ่งครับ ดังนั้นบทเพลงนี้ จึงเป็นอีกบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องได้อย่างดีเยี่ยมครับ
โยฮันน์ พาเคลเบล (Johann Pachelbel, 1653 – 1706)
พาเคลเบล เป็นนักประพันธ์ นักออร์แกนและครูดนตรีชาวเยอรมันที่มีความสามารถในการประพันธ์เพลง อยู่ชีวิตอยู่ในสมัยทางด้าน ยุคบาโรก โดยผลงานส่วนใหญ่ของเขาเป็นผลงานดนตรีศาสนา เช่น Chorale, Prelude, Toccata, Fugue และ Chamber Music พาเคลเบล เกิดที่เมือง นูเรมเบิร์ค (Nuremberg) ในครอวครัวชนชั้นกลาง โดยเริ่มเดียนดนตรีกับ ไฮดริช ชเวมเมอร์ (Heinrich Schwemmer) ที่โบสถ์ St. Sebaldus
ผลงานที่ชื่อว่ามีชื่อเสียงที่สุดของเขาคือ บทเพลง “Canon in D” ซึ่งเป็นผลงานการประพันธ์ที่มีท่วงทำนองชัดเจน ใช้รูปแบบการประพันธ์แบบ “Imitation” หรือ “Kanon” ดำเนินบทเพลงด้วยการแนะนำทำนองใหม่ โดยบรรเลงซ้ำเลียนแบบกันเป็นท่อน สร้างการประสานเสียงแบบ “Polyphonic” ด้วยการนำของแนวเสียงต่ำที่บรรเลงแบบ “Ground bass” ที่บรรเลงตั้งแต่ต้นไปจนจบบทเพลง และเพิ่มเติมทำนองใหม่เข้ามาทีละท่วงทำนองจนครบ เป็นบทเพลงที่ฟังง่าย สบาย สามารถนำมใช้เป็นบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องได้ดี อีกทั้งยังใช้ในการฟังเพื่อพักผ่อนและเป็นบทเพลงคนท้องก่อนนอนได้ดีเยี่ยมครับ
กามีย์ แซ็งซ็องส์ (Charles Camille Saint-Saëns, 1835 – 1921)
แซ็งซ็องส์ นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส เขามีชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในยุคโรแมนติกของโลกดนตรีตะวันตก และในช่วงต้นของยุคดนตรีในศตวรรษที่ 20 ในช่วงท้ายของชีวิต แซ็งซ็องส์ เกิดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม บิดาของเขาเสียชีวิตหลังจากเขาอายุได้เพียง 3 เดือนส่งผลให้มารดาของเขาต้องขอร้องให้ ชาร์ลอต สัมซง ซึ่งเป็นน้าของเขาช่วยในการเลี้ยงดู โดยชาร์ลอตเป็นคนที่มีความชื่นชอบในการเรียนดนตรี และเป็นผู้สอนเปียโนให้แก่แซ็งซ็องส์ ซึ่งเขาก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว อ่านโน้ตได้อย่างแม่นยำ และทำให้เขาเริ่มเข้าสู่ถนนสายอาชีพการเป็นนักประพันธ์ตั้งแต่วัยเยาว์ เขาออกการแสดงครั้งแรกในวัยเพียง 5 ขวบ โดยเล่นเปียโนสนับสนุนการเดี่ยวไวโอลิน ในปี 1848 ด้วยวัยเพียง 13 ปี เขาก็สามารถเข้าเรียนดนตรีที่ Paris Conservatoire ซึ่งเขามีความโดดเด่นในด้านการประพันธ์เพลงและการบรรเลงออร์แกน โดยเขาได้รับรางวัลชนะเลิศในด้านการแข่งขันออร์แกน ประจำสถาบันอีกด้วย
แซ็งซ็องส์ทำงานเป็นนักออร์แกน ในโบสถ์หลาย ๆ แห่งในกรุงปารีสและมีชื่อเสียงจากการแสดงมากมาย ถึงขนาดได้รับคำชมจาก ฟรานท์ ลิสต์ (Franz Liszt, 1811 – 1886) ว่าเขาเป็นนักออร์แกนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลกเลยทีเดียวครับ
ผลงานการประพันธ์ที่ถือว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของเขา คือ “Le Carnival des Animaux” หรือขบวนพาเหรดของสัตว์ ซึ่งเป็นเป็นบทเพลงชุดสำหรับวงแชมเบอร์ เขาแต่งบทเพลงนี้ขึ้นระหว่างช่วงเดินทางไปพักผ่อนในออสเตรีย ซึ่งเรียบเรียงขึ้นจากวงขนาดเล็กที่มีเครื่องดนตรีเพียง 12 ชิ้น คือ ฟลูต ตลาริเน็ต เปียโน กลาสฮาร์โมนิกา ไซโลโฟน ไวโอลิน วิโอลา เชลโล่ และเบส ซึ่งท่อนที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ ท่อน “Le cygnet” หรือ “The Swan” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะ สง่างาม เหมือนหงส์ที่กำลังวายน้ำอยู่ในทะเลสาบ จนถูกนำมาใช้เป็นบทเพลงเพื่อความผ่อนคลาย และสามารถใช้เป็นบทเพลงคลาสสิคสำหรับคนท้องได้เป็นอย่างดียิ่งด้วยครับ ด้วยการบรรเลงเดี่ยวของเชลโล่ ที่นุ่มลึกประกอบกับการบรรเลงสนับสนุนโดยเปียโนทำให้บทเพลงบรรเลงออกมาได้อย่างไพเราะ ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เยือกเย็นและสงบ เหมาะสำหรับการฟังเพื่อพักผ่อนอย่างแท้จริงครับ
นี่คือ 10 นักประพันธ์ดนตรีคลาสสิคที่คุณแม่สามารถนำผลงานของพวกเขาไปเปิดฟังเพื่อสร้างความผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับลึกมากขึ้น เป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายของคุณและลูกน้อยในครรภ์ครับ
