เรื่องเงินเรื่องทองต้องวางแผนและเตรียมการล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี “ภาษี” จากเงินได้บุคคล โดยเราเชื่อว่าเมื่อทุกท่านได้ยินคำว่า “ภาษี” หลายท่านคงต้องมีความรู้สึกหนักใจ ปวดหัวและไม่รู้ว่าจะหาวิธีลดหย่อนภาษีและเทคนิคการวางแผนภาษีอย่างไร เพื่อให้ไม่ต้องรับภาระหนักจากเงินที่ตนเองหามาได้ในแต่ละปี แต่ในครั้งนี้เพื่อให้ทุกท่านได้รับเทคนิคการลดหย่อนภาษีดี ๆ The Pappyness จึงมาพร้อมกับบทความที่จะนำเสนอวิธีลดหย่อนภาษีและเทคนิคการวางแผนภาษีในทุกท่านสามารถเตรียมพร้อมสำหรับปีภาษีที่กำลังจะมาถึงได้อย่างไร้กังวล
ภาษีเป็นหน้าที่ อย่าโกงและห้ามหนี
ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับวิธีลดหย่อนภาษีและเทคนิคการวางแผนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดานั้น สิ่งแรกซึ่งมีความสำคัญสูงสุดสำหรับการทำความเข้าใจเรื่องภาษี คือ การปรับทัศนคติของท่านเกี่ยวกับภาษี โดยจริงอยู่ว่าบางครั้งการจ่ายภาษีนั้น ท่านอาจจะมีความรู้สึกว่าท่านไม่มีรับผลประโยชน์โดยตรงจากการเสียเงินที่ท่านหามาได้นั้น แต่ในทางกลับกันการเสียภาษีนั้น ถือเป็นหน้าที่และเป็นการดำเนินการที่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งหากท่านไม่ปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็นการโกงเงินภาษีหรือการหนีภาษี เลี่ยงภาษีไม่ยอมจ่ายนั้น บทลงโทษของการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนการจ่ายภาษี โทษจะหนักมากและจะมีการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังอีกต่างหาก ดังนั้นเรื่องภาษีแม้จะหนักหนา แต่ต้องจ่าย
สรุปรายการลดหย่อนภาษี
ถือว่าเป็นการทบทวนหรือเป็นการให้รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับหลายท่านที่ยังไม่ทราบว่าเราสามารถได้รับวิธีลดหย่อนภาษีด้วยช่องทางใดบ้าง ซึ่งเราจะพาไปดูกันว่า ณ เวลานี้มีรายการลดหย่อนภาษีใดบ้างที่ทุกท่านสามารถได้รับการลดหย่อนภาษี 2564 – 2565
- ลดหย่อนส่วนตัวปกติ 60,000 บาท
- คู่สมรสที่ไม่มีรายได้ 60,000 บาท
- ค่าฝากครรภ์และการคลอดบุตร 60,000 บาท
- บุตร คนละ 30,000 บาท โดยบุตรที่เกิดตั้งแต่ ปี 2561 ได้รับสิทธิลดหย่อน 60,000 บาท/ คน
- เลี้ยงดูบิดามารดา คนละ 30,000 บาท
- ค่าอุปการะผู้พิการ – ทุพลภาพ 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มประกัน เงินออมและการลงทุน กองทุนลดหย่อนภาษีต่าง ๆ อาทิ ประกันชีวิตและประกันสะสมทรัพย์ ไม่เกิน 100,000 บาท/ ประกันสุขภาพ ไม่เกิน 25,000 บาท/ ประกันสังคม ไม่เกิน 5,100 บาท/ ประกันสุขภาพบิดามารดา 15,000 บาท
- ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มการลงทุน โดยสามารถรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท อาทิ RMF ไม่เกิน 500,000 บาทหรือไม่เกิน 30% ของเงินได้/ SSF ไม่เกิน 200,000 บาทหรือไม่เกิน 30% ของเงินได้/ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ PVD, กบข, ครูโรงเรียนเอกชน ไม่เกิน 500,000 บาทหรือไม่เกิน 15% ของเงินได้/ กองทุนการออมแห่งชาติ ไม่เกิน 13,200 บาท
- ค่าลดหย่อนภาษีจากการบริจาค ต่าง ๆ
วิธีลดหย่อนภาษีและเทคนิคการวางแผนภาษี
จากการเข้าสืบค้นข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการวางแผนภาษีนั้น แทบทุกรายที่เรามองเห็นว่าเป็นแบบอย่างดี ซึ่งน่านำมาเป็นแนวทางและเป็นวิธีลดหย่อนภาษีเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ทุกท่านต่างดำเนินการวางแผนและกระจายรายได้สุทธิไปในวิธีลดหย่อนภาษีช่องทางต่าง ๆ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ตามแต่ความสะดวกและโอกาสของแต่ละท่าน โดยเน้นการเรียงลำดับความสำคัญของการลดหย่อนนั้น โดยให้การลดหย่อนที่มีความสำคัญและสามารถเรียกกลับมาใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดก่อนและหากท่านยังมีเงินเหลือจากการหักลดหย่อนแล้วจริง ๆ ท่านจึงมองหาการลดหย่อนที่เป็นการให้เปล่า เช่น การบริจาค
ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการบอกให้ท่านขี้เหนียวหรือให้ท่านไม่บริจาค แต่หากพิจารณากันตามปกติทั่วไปแล้ว ทุกท่านที่เข้ามาศึกษาวิธีลดหย่อนภาษีในครั้งนี้ เราเชื่อว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป โดยในส่วนของการบริจาคนั้น เรามองว่าเป็นวิธีลดหย่อนภาษีที่มีความเหมาะสมกับบุคคลหรือนิติบุคคลที่มีรายได้สูงมาก ๆ แต่อย่างไรก็ตามหากท่านพิจารณาแล้วว่า การกระจายวิธีลดหย่อนภาษีของท่านสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการดึงเงินกลับมาใช้ยามฉุกเฉิน เราก็ต้องขอแนะนำทุกช่องทาง ซึ่งสามารถแบ่งเป็นสัดส่วนดังนี้
สำหรับคนโสด
เทคนิคการวางแผนภาษีสำหรับคนโสดถือว่าเป็นอีกสูตรที่จะเน้นหนักไปในทิศทางของการลงทุน เพราะท่านยังไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนจากคู่สามีภรรยา บุตรและบิดามารดาของคู่สมรสของท่านได้ ดังนั้นการมองหาวิธีลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในกองทุนทั้ง RMF/ SSF หรือในกองทุน PVD จึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องพิจารณาและเลือกลงทุนเป็นอันดับแรก เนื่องด้วยอัตราการลดหย่อนที่สามารถลดหย่อนได้สูงสุดถึง 30% ของรายได้สุทธิ ท่านจึงควรลงทุนอย่างน้อย 10 – 20% ในกองทุนระยะสั้น เผื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือมีความจำเป็นต้องดึงเงินออกมาใช้จ่ายและลงทุนกับกองทุนระยะยาวอีก 10% เพื่อเป็นวิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุดตามเงื่อนไข และหากท่านยังมีความจำเป็นที่จะต้องหาช่องทางลดหย่อนภาษีอีก การทำประกันสุขภาพแบบเต็มรูปแบบและการให้เงินบริจาค ลดหย่อนภาษีก็สามารถเป็นทางเลือกรองได้ โดยเฉพาะสำหรับการให้เงินบริจาคนั้น ท่านจะสามารถลดหย่อนภาษีมากสูงสุดได้ถึง 2 เท่าของเงินบริจาคเลยทีเดียว
สำหรับคนที่มีครอบครัว
สำหรุบทุกท่านที่มีครอบครัวแล้ว วิธีลดหย่อนภาษีซึ่งสามารถรับสิทธิได้ทันทีนั้น จะเป็นการลดหย่อนจากกรณีบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ หากแต่ท่านไม่ได้เข้าเงื่อนไขนี้แล้วท่านต้องพิจารณาวิธีลดหย่อนภาษีช่องทางอื่น ๆ ประกอบด้วย ทั้งนี้สำหรับเทคนิคการวางแผนภาษีที่ดีนั้น ท่านควรพิจารณาเลือกช่องทางและวิธีลดหย่อนภาษีไว้อย่างน้อย 2 – 3 วิธี ซึ่งสำหรับผู้มีรายได้ที่ยังอยู่ในเงื่อนไขที่สามารถลดหย่อนภาษีได้จากทั้งบุตร คู่สมรสและการเลี้ยงดูบิดามารดานั้น ท่านอาจจะมองการลดหย่อนที่เกี่ยวกับประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพไว้ด้วย เพราะเด็ก ๆ และผู้สูงอายุยังไงก็มักจะป่วยง่าย ดังนั้นการทำประกันสุขภาพที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ หรือรวมไปถึงการประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษีก็ย่อมเป็นทางเลือกที่ดี พร้อมทั้งหากท่านเป็นผู้มีรายได้ที่มีครอบครัวแล้ว แต่สามารถหารายได้พิเศษเพิ่มเติม หรือได้รับเงินโบนัสหรือเงินพิเศษเป็นเงินก้อน การลงทุนก็สามารถเป็นอีกช่องทางที่จะสามารถสร้างความมั่นคงแก่ครอบครัวได้ โดยเราต้องแนะนำให้มองเรื่องการลงทุนไว้ในลำดับท้าย ๆ สำหรับท่านที่ต้องการหาวิธีลดหย่อนภาษีซึ่งมีครอบครัว เพราะการมีครอบครัวนั้น มักจะมีรายจ่ายฉุกเฉินที่อาจจะเข้ามาได้มากกว่ากรณีคนโสดที่จะเน้นไปที่การลงทุนเป็นสำคัญ