5 สิ่งที่ Ghost of Tsushima สอนเราเกี่ยวกับการใช้ชีวิต

 

บทความโดย เสฏฐวุฒิ อุดาการ
Settawut Udakarn
Editor, The Pappyness

 

หมายเหตุ: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเกม (Spoiler)

ในความรู้สึกของผู้ที่ได้เล่มเกม Ghost of Tsushima เชื่อได้ว่าหลายคนมองว่ามันไม่ได้เป็นเพียงแค่เกม

เพราะแม้ว่าเนื้อเรื่องของเกมจะเกิดขึ้นกว่า 800 ปีมาแล้ว แต่กลับมีบทเรียนมากมายที่สามารถปรับใช้กับชีวิตในยุคปัจจุบัน

สำหรับคนที่ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสเกมนี้ Ghost of Tsushima เป็นเกมแนว Open-World จากค่าย Sucker Punch ดำเนินเรื่องบนเกาะสึชิมา (Tsushima) ในญี่ปุ่นยุคฟิวดัล ประมาณปี ค.ศ.1274 อันเป็นช่วงเวลาที่ชาวญี่ปุ่นต้องรับมือกับการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลนำโดยโคตุน ข่าน (ตัวละครสมมติ) โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็นจิน ซาคาอิ (Jin Sakai) ซามูไรหนุ่มกำพร้าพ่อแม่ที่เติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูของลอร์ดชิมูระ ผู้เป็นลุงที่มีตำแหน่งเป็นถึง ‘จิโต’ (Jito) หรือเจ้าผู้ปกครองเกาะสึชิมะที่แต่งตั้งโดยโชกุน

ด้วยความที่เป็นเกมที่สร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ ไม่ได้ ‘อิงประวัติศาสตร์’ เกมจึงไม่ได้ให้น้ำหนักกับความสมจริงมากเท่ากับองค์ประกอบของ ‘ความเป็นญี่ปุ่น’ ที่ใส่เข้ามาอย่างเต็มที่

ไม่ว่าจะเป็นภูมิทัศน์อันงดงาม ตำนานและเรื่องเล่าลี้ลับ โบราณสถาน เพลงดาบ เครื่องแต่งกาย ไฮกุ (ซึ่งความจริงแล้วเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในเกมหลายร้อยปี) ตลอดจนปรัชญาที่แฝงมาในเนื้อเรื่องและบทสนทนาระหว่างตัวละคร ทำให้ Ghost of Tsushima ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากภาพยนตร์ที่ให้ความเพลิดเพลินตั้งแต่ต้นจนจบ สมกับที่ผู้พัฒนาเกมได้รับแรงบันดาลใจจากหนังของอาคิระ คุโรซาวะ และหนังญี่ปุ่นคลาสสิคขึ้นหิ้งเรื่องอื่น ๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม  นอกเหนือจากความบันเทิงและช่วงเวลาดี ๆ ที่ Ghost of Tsushima ได้มอบให้ผู้เล่นแล้ว หากอ่านระหว่างบรรทัดให้ดี จะพบว่าเนื้อเรื่องของเกมดังกล่าวได้แฝงบทเรียนที่สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตของเราอยู่หลายประการ ซึ่งวันนี้ผมได้สรุปบทเรียนที่ได้รับจากเกม Ghost of Tsushima มาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนกับท่านผู้อ่าน จำนวน 5 บทเรียน ดังนี้

 

 

1.อย่าตัดสินคนอื่นจากภายนอก

 

แม้ว่าจิน ซาคาอิ จะกำเนิดในชนชั้นซามูไรที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี เปรียบได้ดั่งขุนนางนักรบที่เกิดมาเพื่อปกครอง แต่เขาจะไม่มีวันเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ จนกอบกู้เกาะสึชิมะจากผู้รุกรานชาวมองโกลได้เลย หากปราศจากความช่วยเหลือของ ‘ยูนะ’ หัวขโมยผู้มีโลกทัศน์และสถานะแตกต่างจากจิน ซาคาอิ ในทุกด้าน แต่ภายใต้อาภรณ์ที่ซอมซ่อและแววตากร้านโลก ยูนะกลับมีหัวใจที่กล้าหาญและอ่อนโยน โดยเฉพาะกับทากะ น้องชายของเธอ และจินที่เธอช่วยเหลือไว้จากอันตรายหลายครั้งหลายครา

ตลอดจนเป็นตัวละครสำคัญที่ส่งผลต่อพัฒนาการของจิน ทำให้เขาแปรเปลี่ยนจากซามูไรที่ยึดติดกับเกียรติยศจนกลายเป็นจุดอ่อนที่มองโกลใช้เล่นงาน กลายมาเป็น ‘นักรบปีศาจแห่งสึชิมะ’ ที่พร้อมใช้กลยุทธ์หลากหลายเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในสงคราม จึงกล่าวได้ว่า ‘หัวขโมย’ ผู้นี้เป็นทั้งเพื่อนและอาจารย์ที่ให้บทเรียนกับผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงกว่าอย่างจิน ซาคาอิ มากกว่าซามูไรคนใดเสียอีก

 

2.วิธีเดิมอาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป

 

ก่อนหน้าที่โคตุน ข่าน จะยกทัพมาบุกสึชิมะ แม่ทัพชาวมองโกลส่วนใหญ่ได้ศึกษาศัตรูของพวกเขาเป็นอย่างดี ทั้งการเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมประเพณี ตำนานความเชื่อ และประวัติศาสตร์ เพื่อแสวงหาจุดอ่อนที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการบุกยึดญี่ปุ่นครั้งนี้ได้ เข้าตำรารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

ในฉากเปิดเรื่องที่สมรภูมิหาดโคโมดะ เราจึงได้เห็น ‘การเล่นนอกกติกา’ ของผู้รุกรานชาวมองโกลที่ทำให้ซามูไรที่ยึดมั่นถือมั่นในกฎและศักดิ์ศรีของตนเองพ่ายแพ้ราบคาบจนถูกปราบแทบหมดเกาะภายในการรบครั้งเดียว และในการรบเพื่อชิงฐานที่มั่นคืนมา ลอร์ดชิมูระ จิโตแห่งสึชิมะ ก็ยังทำผิดพลาดซ้ำสอง ด้วยการใช้กลยุทธ์รบประจันหน้าแบบซามูไรจนทำให้สูญเสียไพร่พลจำนวนมากไปอย่างเปล่าประโยชน์

เหตุการณ์ครั้งนี้จึงนำมาซึ่งจุดแตกหักระหว่างจิน ซาคาอิ กับท่านลุง ผู้เป็นทั้งนายและผู้ชุบเลี้ยงเขามา ด้วยการเลือกเดินบนวิถีของนักรบปีศาจ ใช้กลยุทธ์ในการรบที่ ‘สมน้ำสมเนื้อ’ กับกองทัพมองโกลจนสามารถยึดปราสาทคืนได้ในท้ายที่สุด การตัดสินใจละทิ้งรูปแบบการรบและกฎเกณฑ์ซามูไรดั้งเดิมของจิน ทำให้เราเห็นว่าบางครั้ง เมื่อวิธีดั้งเดิมที่ใช้มานานไม่ได้ผล ก็อาจจำเป็นที่จะต้องยอมออกนอกกรอบเพื่อหาวิธีใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ามาจัดการต่อปัญหาที่เกิดขึ้น

 

3.ทุกทางเลือกมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ

 

หลังจากที่พบว่าวิถีการรบแบบซามูไรไม่อาจนำผู้กล้าแห่งสึชิมะไปสู่ชัยชนะได้ จิน ซาคาอิ จึงตัดสินใจใช้การรบแบบกองโจรที่อยู่นอกเหนือกติกาใด ๆ ทั้งปวง ด้วยการวางยาพิษทหารมองโกลจนล้มตายอย่างทรมานจนหมดค่าย วิธีการดังกล่าวเป็นการให้ความสำคัญกับผลลัพธ์เหนือวิธีการ (A Mean to an End) โดยไม่คำนึงว่าวิธีการจะมีคุณธรรมหรือมีเกียรติหรือไม่ ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่จิน ซาคาอิ ‘เล่นเกมเดียวกัน’ กับแม่ทัพมองโกลจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติดและเสียท่าให้กับยาพิษของจิน

อย่างไรก็ตาม ทุกทางเลือกมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ เมื่อจินหนีจากการถูกลงโทษเนื่องจากขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นท่านลุงของเขา เขากลับพบว่ากองทัพมองโกลได้ปลดล็อควิธีสกัดสูตรยาพิษของเขาและใช้มันกับชาวบ้านสึชิมะจนต่างล้มตายอย่างทารุณ แม้แต่ตัวของจินเองก็พลาดถูกลูกศรอาบยาพิษยิงจนเกือบสิ้นลมด้วยยาพิษของตนเอง

จะเห็นได้ว่าเมื่อจินใช้ ‘ยาแรง’ กับกองทัพมองโกล ฝ่ายตรงข้ามก็ยกระดับยุทธวิธีในการตอบโต้กลับ (Retaliate) ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อใช้วิธีการเดิมก็มีแต่จะแพ้ ดังนั้น การตัดสินใจเดินบนวิถีของนักรบปีศาจของจินแม้ว่าจะช่วยให้พันธมิตรของเขาสามารถต่อกรกับผู้รุกรานได้ แต่ก็มีราคาที่ต้องจ่ายแพงทีเดียว    

 

4.เกียรติเป็นสิ่งสำคัญ แต่ประโยชน์ส่วนรวมสำคัญกว่า

 

เกียรติยศและศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งชีพสำหรับซามูไร เพราะสำหรับนักรบขุนนางเหล่านี้ ชีวิตที่ปราศจากเกียรติ คือ ชีวิตที่ไร้ความหมาย ในวาระสุดท้ายของลอร์ดชิมูระ เขาจึงขอร้องให้จินปลิดชีพของเขาเสีย การวายชนม์ด้วยน้ำมือของหลานรักดีกว่าการอยู่อย่างผู้ปกครองและนักรบที่ล้มเหลว ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะลอร์ดชิมูระมีโลกทัศน์แบบซามูไรเต็มตัว

ขณะที่จิน ซาคาอิ ผู้ที่ซามูไรผู้พ่อถูกโจรฆ่าตายต่อหน้า และตนเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดหลายครั้งเพราะการต่อสู้แบบซามูไร กลับมองโลกตามสภาพจริง (Realist) มากกว่า เพราะเขาเห็นว่าการต่อสู้บนวิถีซามูไรแม้ว่าจะมีเกียรติ แต่กลับต้องแลกด้วยเลือดเนื้อของพี่น้องชาวสึชิมะ ในเมื่อมีวิธีการที่ดีกว่า และเป็นผลดีต่อผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า เขาจึงไม่ลังเลที่จะหันหลังให้กับวิถีแห่งเกียรติยศ สวมหน้ากากนักรบปีศาจแล้วใช้กลยุทธ์ที่ศัตรูคาดไม่ถึง

แม้ว่ามันจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ทำให้เขาต้องสละยศถาบรรดาศักดิ์ไปตลอดชีวิตก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้ชื่อของจิน ซาคาอิ กลายเป็นตำนานแห่งสึชิมะ

5.อดีตไม่อาจหวนคืน อนาคตคือที่ต้องก้าวต่อไป

 

หลังจากที่จิน ซาคาอิ กอบกู้เกาะสึชิมะจากโคตุน ข่าน และกองทัพของเขาได้สำเร็จ สิ่งที่เขาต้องเผชิญหน้า คือ กฎหมายและจารีตประเพณีของซามูไรที่เขาต้องยอมรับโดยปราศจากข้อยกเว้น อันนำไปสู่การดวลกันครั้งสุดท้ายระหว่างจินและลอร์ดชิมูระ ผู้เป็นทั้งอาจารย์และสมาชิกครอบครัวที่เหลืออยู่คนเดียวของเขา

ไม่ว่าผู้เล่นจะเลือกจบชีวิตลอร์ดชิมูระตามคำขอและเป็นการให้ความตายอันมีเกียรติตามวิถีซามูไร หรือไว้ชีวิตผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก จิน ซาไค ที่เดินออกจากลานประลองก็ไม่ใช่ซามูไรคนเดิมอีกต่อไป เขาเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง และเข้าใจปรัชญาของชีวิตว่าไม่มีสิ่งใดที่จีรังยั่งยืน ทุกสิ่งมีจุดจบของมันเสมอ

ที่ทำได้คือการยอมรับและดื่มด่ำกับการเริ่มต้นและจุดจบที่งดงามของสรรพสิ่ง เข้าใจว่าอดีตไม่อาจหวนคืน และอนาคตคือพื้นที่ต้องก้าวต่อไป สมดั่งถ้วยรางวัลหลังเล่นจบที่ชื่อว่า Mono no aware หรือความเศร้าสะเทือนใจที่งดงาม

 

ปิดท้ายด้วยเพลง The Way of the Ghost ost. หลักของ Ghost of Tsushima ซึ่งทรงพลังทั้งความหมายและท่วงทำนอง

 

อ้างอิง 1 2

อ่านบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 

 

[smartslider3 slider=”2″]
The Pappyness